วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ประวัติผู้จัดทำ

ชื่อ-สกุล    น.ส ฌัชชา ก๋าวิโล

เลขที่        9
ชั้น            มัธยมศึกษาปีที่4/1
หน้าที่       ทำบทที่ 2   เป็นตากล้อง  ออกแบบงาน
ชื่อ-สกุล    น.ส. ฐานิกา  สมัครสมาน

เลขที่         10
ชั้น            มัธยมศึกษาปีที่4/1
หน้าที่       ทำหน้าปก  และ สัมภาษณ์
ชื่อ-สกุล    น.ส. สุนันทา  โรจน์ธำรงค์

เลขที่         18
ชั้น            มัธยมศึกษาปีที่4/1
หน้าที่       สัมภาษณ์
ชื่อ-สกุล    น.ส. กฤติพร  วอทอง

เลขที่         31
ชั้น            มัธยมศึกษาปีที่4/1
หน้าที่       ทำผู้จัดทำ  และ เป็นผู้ปริ้นเอกสาร

บทที่5 อภิปรายผล

 
บทที่ 5
สรุป  อภิปรายผล  และข้อเสนอแนะ

                   การสำรวจค่านิยมในการเลือกคบเพศตรงข้ามระหว่างนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปี่ที่ 4 และปี่ที่ 6 โรงเรียนอ้อมน้อยโสภณชนูปถัมภ์ ผู้ศึกษาได้สรุปผล อภิปรายผลและข้อเสนอแนะตามลำดับดังนี้

สรุปผลการศึกษาค้นคว้า
การศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาค่านิยมในการเลือกคบเพศตรงข้ามของนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และ ปีที่ 6 โดยมุ่งเน้นสำรวจความคิดเห็น เกี่ยวกับการเลือกคบเพศตรงข้ามที่ลักษณะรูปร่างหน้าตาและลักษณะนิสัย โดยลักษณะนิสัยจะแบ่งออกเป็น 1).เรียบร้อยอ่อนหวาน  2). มีความเชื่อมั่นในตนเอง 3). เปรี้ยวซ่า 4). ใจดีรักสัตว์ และ 5).แม่บ้านแม่เรือน ส่วนลักษณะรูปร่างหน้าตา จะแบ่งเป็น 1).น้ำหนัก 2).ความสูง 3). สีผิว 4).ลักษณะผม และ 5). การเสริมแต่งใบหน้า กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ เป็นนักเรียนชายชันมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 50 คน และนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 50 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา เป็นแบบสำรวจ ซึ่งมีลักษณะเป็นแบบเลือกตอบ เพื่อสำรวจความคิดเห็น สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ใช้ค่าเฉลี่ยค่าร้อยละ โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป
ผลการศึกษาค้นคว้าพบว่า
นักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนอ้อมน้อยโสภณชนูปถัมภ์ เลือกคบเพศตรงข้ามที่ลักษณะนิสัย คิดเป็นร้อยละ 84  เลือกที่รูปร่างหน้าตา คิดเป็นร้อยละ16  ส่วนนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอ้อมน้อยโสภณชนูปถัมภ์ เลือกคบเพศตรงข้ามที่รูปร่างหน้าตา คิดเป็นร้อยละ 52 เลือกที่ลักษณะนิสัย คิดเป็นร้อยละ 48
 
อภิปรายผลการวิจัย
                   การสำรวจค่านิยมในการเลือกคบเพศตรงข้ามระหว่างนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปี่ที่ 4 และปี่ที่ 6 โรงเรียนอ้อมน้อยโสภณชนูปถัมภ์  ผู้ศึกษาจึงอภิปรายผลการศึกษา ดังนี้
              ผลการศึกษาพบว่า ค่านิยมในนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4  เลือกคบเพศตรงข้ามที่ลักษณะนิสัย คิดเป็นร้อยละ 84 อาจเป็นเพราะในวัยนี้ เป็นช่วงที่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่นแบบเต็มตัว เริ่มเข้าสู่สังคมที่กว้างขวางขึ้น ในช่วงหนึ่งจึงมีความคิดเหมือนผู้ใหญ่ คิดถึความมั่นคงเป็นหลัก ส่วนนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เลือกคบเพศตรงข้ามที่รูปร่างหน้าตา คิดเป็นร้อยละ 52 อาจเป็นเพราะในวัยนี้ กำลังจะก้าวสู่สังคมที่กว้างมากขึ้น นั่นคือสังคมของการเป็นนักศึกษาในระดับอุดมศึกษา จึงมีความคึกคะนองในการใช้ชีวิตแบบอิสระเสรี เน้นความสนุกสนานมากยิ่งขึ้น

ข้อเสนอแนะ
             ปัจจุบันความรักในวัยเรียนกลายเป็นเรื่องที่นิยมกันมากในกลุ่มวัยรุ่น เป็นความรัก ความชอบแบบเด็กๆ โดยที่ยังไม่คำนึงถึงอนาคต ถึงผลดีและผลเสียที่ตามมา แต่ก็นิยมกันมากเพราะมันเป็นสิ่งที่เพิ่มความสุขใจ ความสดใสในชีวิตอีกรูปแบบนึง


บทที่4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล

บทที่ 4
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล

ตารางที่ 1   แสดงจำนวนและร้อยละสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถามจำแนกตาม เพศ ระดับชั้น    
                   ประสบการณ์ทำงาน  และ สถานะ

สถานภาพ
จำนวน ( N )
ร้อยละ
1. เพศ
                ชาย
                รวม

 100

100

100.00
100.00
2. ระดับชั้น
                มัธยมศึกษาปีที่ 4
                มัธยมศึกษาปีที่ 6
                รวม

50
50
100

50.00
50.00
100.00
3. สถานะ
                นักเรียน

                รวม

100
100

100.00
100.00




ตารางที่ 2       แสดงจำนวนและร้อยละ ของค่านิยมการเลือกคบเพศตรงข้ามระหว่างนักเรียนชายชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4   ของโรงเรียนอ้อมน้อยโสภณชนูปถัมภ์               

ข้อที่
การเลือกคบเพศตรงข้ามของนักเรียนชายชั้นม.4
N
ร้อยละ
ลำดับ
1

2


นักเรียนชายชั้นม.4 เลือกคบเพศตรงข้ามที่รูปร่างหน้าตา
นักเรียนชายชั้นม.4 เลือกคบเพศตรงข้ามที่ลักษณะนิสัย
                                                                                                        
8
42

16
84

2
1


รวม
100
100



บทที่3วิธีดำเนินงานศึกษาค้นคว้า

บทที่ 3
วิธีดำเนินการศึกษาค้นคว้า

      การสำรวจค่านิยมในการเลือกคบเพศตรงข้ามระหว่างนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปี่ที่ 4 และปี่ที่ 6 โรงเรียนอ้อมน้อยโสภณชนูปถัมภ์  การศึกษาครั้งนี้ผู้ศึกษาได้ดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้
                            1.  กลุ่มเป้าหมาย
                            2.  เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา
                            3.  การเก็บรวบรวมข้อมูล
    4.  สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
กลุ่มเป้าหมาย 
         
กลุ่มเป้าหมาย ที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ  เป็นนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายเป็นนักเรียนชายชั้น ม.4 50 คน นักเรียนชายชั้น ม.6 50 คน   รวม   100  คน
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา      
         
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นแบบสำรวจ
แบ่งออกเป็น 2  ตอน
          ตอนที่ 1  เป็นแบบสำรวจเกี่ยวกับ สถานภาพของผู้ตอบแบบสำรวจ จำแนกเป็น
ระดับชั้นที่กำลังศึกษา
         
ตอนที่ 2  เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับ  1) รูปร่างหน้าตา โดยจะแยกออกเป็น  ความสูง , น้ำหนัก ,สีผิว, ลักษณะผม และการเสริมแต่งใบหน้า  2) ลักษณะนิสัย โดยแยกออกเป็น   มีความมั่นใจในตนเอง , เรียบร้อยอ่อนหวาน , แม่บ้านแม่เรือน , เปรี้ยวซ่าก๋ากั่น และ ใจดีรักสัตว์ เป็นแบบสำรวจ ซึ่งมีลักษณะเป็นแบบเลือกตอบ เพื่อสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มเป้าหมาย       
ขั้นตอนในการสร้างเครื่องมือ
              เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นแบบสำรวจ ผู้ศึกษาได้ดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้
              1. ศึกษาทฤษฏี เอกสาร และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำข้อมูลมาเป็นแนวทางในการกำหนดกรอบโครงสร้างของแบบสำรวจ          
              2. นำข้อมูลมาวิเคราะห์เนื้อหากำหนดกรอบแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องที่ทำการศึกษา          
              3. นำแบบสำรวจที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพ โดยครูที่ปรึกษาแล้ว ไปเก็บข้อมูลกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายเป็นนักเรียนชายชั้น ม.4 50 คน นักเรียนชายชั้น ม.6 50 คน 

การเก็บรวบรวมข้อมูล                                    
              การเก็บรวบรวมข้อมูล ในการครั้งนี้ได้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลตามขั้นตอนดังนี้
              1.  นำแบบสำรวจไปขออนุญาตครูที่ปรึกษา
โครงการ เพื่อแจกแบบสำรวจให้แก่นักเรียนโรงเรียนอ้อมน้อยโสภณชนูปถัมภ์ เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล                                
              2. ผู้ศึกษาได้เก็บรวบรวมข้อมูลโดยแจกแบบสำรวจด้วยตนเอง จำนวน
100 ฉบับได้กลับคืนมา จำนวน 100  ฉบับ  คิดเป็นร้อยละ  100       
สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล      
            ข้อมูลที่ได้รับจากการศึกษาครั้งนี้ ผู้วิจัยนำมาวิเคราะห์ดังนี้                                
            1. ข้อมูลที่ได้รับจากตอนที่ 1 เกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม จำแนกเป็น เพศ  อายุ   ระดับชั้นที่กำลังศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย และค่าร้อยละ
            2.  ข้อมูลที่ได้จากตอนที่ 2  การสำรวจค่านิยมในการเลือกคบเพศตรงข้ามระหว่างนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปี่ที่ 4 และปี่ที่ 6 โรงเรียนอ้อมน้อยโสภณชนูปถัมภ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ยและค่าร้อยละ โดยใช้คอมพิวเตอร์โปรแกรมสำเร็จรูป 

บทที่2 เอกสานและงานที่เกี่ยวข้อง

บทที่2
เอกสารและวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง
           การสำรวจค่านิยมในการเลือกคบเพศตรงข้ามของนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และ ปีที่ 6  โรงเรียนอ้อมน้อยโสภณชนูปถัมภ์  ผู้ศึกษาได้ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
1. พฤติกรรมและการเปลี่ยนแปลงของวัยรุ่น
                                                2. ความรักที่อาจก่อปัญหาในวัยเรียน (วัยรุ่น)
                                               3. พฤติกรรมทางเพศในวัยรุ่น

พฤติกรรมและการเปลี่ยนแปลงของวัยรุ่น             วัยรุ่นเป็นช่วงเวลาของการเจริญเติบโตไปสู่ความสมบูรณ์ทางด้านสมอง ร่างกาย และจิตใจ มีผลให้วัยรุ่นแสดงพฤติกรรมใหม่ๆที่แตกต่างจากวัยเด็ก เช่น วัยรุ่นมักจะมีความหงุดหงิด อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย ติดเพื่อนและไม่เชื่อฟังพ่อแม่เหมือนในวัยเด็ก การเปลี่ยนแปลงนี้หากอยู่ในระดับไม่รุนแรงและวัยรุ่นกับพ่อแม่สามารถปรับตัวเข้าหากันได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่หากการเปลี่ยนแปลงนั้นมากจนส่งผลร้ายกับตัววัยรุ่นและผู้อื่น เช่น การต่อต้านผู้ใหญ่ การระเบิดอารมณ์ และทะเลาะวิวาทอย่างรุนแรง ฯลฯ ก็นับว่าเป็นปัญหาสำคัญที่บุคลากรสาธารณสุขต้องให้การช่วยเหลือทั้งวัยรุ่นและครอบครัว โดยการพัฒนาวัยรุ่นนั้น ผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องจาเป็นต้องมีความเข้าใจธรรมชาติของวัยรุ่น สามารถยอมรับ และดูแลวัยรุ่นได้อย่างเหมาะสม พฤติกรรมสำคัญที่เปลี่ยนแปลงในวัยรุ่น แบ่งออกเป็น 6 ข้อใหญ่ๆ ดังนี้ 1. ร่างกาย (Physiology) 2. จิตใจ (Mental and Mind) 3. สังคม (Social) 4. สมาธิ (Attention) 5. แรงจูงใจ (Motivation) 6. พฤติกรรมชอบความเสี่ยง (Risk-taking behavior)
1.ร่างกาย :Physical การเปลี่ยนแปลงมีทั้งทางร่างกายทั่วไป และทางเพศ เนื่องจากวัยนี้มีการสร้างและหลั่งฮอร์โมนเพศและฮอร์โมนของการเจริญเติบโตอย่างมากและรวดเร็วกว่าวัยอื่นๆ ร่างกายจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แขนขาจะยาวขึ้นก่อนจะเห็นการเปลี่ยนแปลงอื่นประมาณ 2 ปี เพศหญิงจะไขมันมากกว่าชาย ผู้ชายจะมีกล้ามเนื้อมากกว่า ทาให้เพศชายแข็งแรงกว่าเพศหญิง วัยรุ่นชาย นมจะแตกพาน เสียงแตก มีหนวดเครา สิว กลิ่นตัว อวัยวะเพศโตขึ้นและเริ่มมีฝันเปียก การเกิดฝันเปียกครั้งแรกเป็นสัญญานของการเข้าสู่วัยรุ่นของเพศชาย ส่วนวัยรุ่นหญิงเต้านมโตขึ้น ไขมันเพิ่มขึ้นทาให้รูปร่างมีทรวดทรง สะโพกผาย มีสิว กลิ่นตัว อวัยวะเพศมีขนขึ้น และเริ่มมีประจาเดือนครั้งแรก ซึ่งเป็นสัญญานบอกการเข้าสู่วัยรุ่นในหญิง
2.จิตใจ : Mental and Mind สมองและสติปัญญาของวัยรุ่นจะมีการเรียนรู้ได้ง่ายและเร็วกว่าวัยอื่นๆ จากความคิดที่เป็นรูปธรรมเริ่มพัฒนาเป็นคิดนามธรรมมากขึ้น ทาให้วัยรุ่นมีความสามารถเรียนรู้ เข้าใจเหตุการณ์ต่างๆ ได้ลึกซึ้งขึ้น มีความสามารถในการคิด วิเคราะห์และสังเคราะห์สิ่งต่างๆได้มากขึ้น แต่ความคิดในช่วงวัยรุ่นนี้อาจขาดการยั้งคิดหรือไตร่ตรองให้รอบคอบ เมื่ออายุเพิ่มขึ้นก็จะมีความคิดที่สมบูรณ์ขึ้น คิดรอบด้านได้มากขึ้น ซึ่งเกิดจาก การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ต่างๆในชีวิตนั่นเอง การเปลี่ยนแปลงด้านจิตใจที่สำคัญ ได้แก่ 2.1 เอกลักษณ์แห่งตน วัยรุ่นจะทาสิ่งที่ชอบ แสดงออกในสิ่งที่ชอบหรือที่ตนเองถนัด ไม่ว่าจะเป็น ด้านการเรียน กีฬา กิจกรรมต่างๆ ซึ่งจะพัฒนาไปเป็นจุดเด่นของตนเอง ได้ใช้เวลาว่างที่เป็นประโยชน์ และ ขณะเดียวกันก็มีความสนุกสนาน(เกิดวงจรความสุข) จนพัฒนาเป็นเอกลักษณ์และบุคลิกภาพแห่งตนนั่นเอง 2.2 การได้รับการยอมรับจากผู้อื่น วัยนี้ต้องการการยอมรับจากกลุ่มเพื่อนอย่างมาก การได้รับการ ยอมรับจะช่วยให้เกิดความรู้สึกมั่นคง ปลอดภัย เห็นคุณค่าและมั่นใจตนเอง วัยนี้จึงมักอยากเด่นอยากดัง อยากให้มีคนรู้จักมากๆ อาจทาอะไรเพื่อให้คนอื่นสนใจ เป็นที่รักของเพื่อนๆ 2.3 ความภาคภูมิใจตนเอง วัยรุ่นภูมิใจที่ตนเองเป็นที่ยอมรับของเพื่อนและคนอื่นๆ รู้สึกว่าตนเองมี คุณค่า เป็นคนดีและมีประโยชน์แก่ผู้อื่นได้ ทาอะไรได้สำเร็จการส่งเสริมให้วัยรุ่นได้ทาประโยชน์แก่เพื่อนๆ และ การมีเพื่อนหรือกัลยาณมิตรที่ดี จะช่วยให้วัยรุ่นมีส่วนช่วยกันเสริมสร้างความภาคภูมิใจให้แก่กันได้ 2.4 ความเป็นตัวของตัวเอง วัยนี้ชอบอิสรภาพไม่ค่อยชอบอยู่ในกฎเกณฑ์กติกาใดๆ ชอบคิดเอง ทา เอง พึ่งตัวเอง เชื่อความคิดตนเอง ความอยากรู้อยากเห็น อยากลองจะมีสูงสุดในวัยนี้ ทาให้อาจเกิด พฤติกรรมเสี่ยงได้ง่าย บางคนจะขาดการยั้งคิดที่ดี เมื่อตัวเองคิดอย่างไรแล้วก็อยากจะทาตามความคิดโดยขาด การไตร่ตรองให้รอบคอบ จึงควรส่งเสริมให้วัยรุ่นสามารถแสดงความเป็นตัวของตัวเอง ในขณะที่ก็ต้องรู้จัก ระมัดระวัง และมีการควบคุมตนเองให้อยู่ในกฎเกณฑ์กติกาของส่วนรวมด้วย 2.5 อารมณ์และการควบคุมตนเอง วัยนี้หุนหันพลันแล่น มีอารมณ์ปั่นป่วน เปลี่ยนแปลงง่าย หงุดหงิด ง่าย โกรธง่าย ซึ่งหากวัยรุ่นไม่ได้เรียนรู้ในการจัดการอารมณ์เหล่านี้ ก็มักจะพัฒนาเป็นความเครียด หรือ พฤติกรรมเกเร ก้าวร้าว ส่งผลกระทบต่อการเรียนและการดาเนินชีวิตได้ ในบางรายอารมณ์เหล่านี้อาจลดลงได้ เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีความจาเป็นที่ควรจะฝึกให้วัยรุ่นมีการเรียนรู้ที่จะควบคุม ความคิด อารมณ์และการกระทา ให้อยู่ในกรอบกติกาตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาที่อาจยากต่อ การแก้ไข 2.6 เพศ วัยรุ่นจะมีความรู้สึกหรือมีอารมณ์ทางเพศ ทาให้มีความสนใจใฝ่รู้เรื่องทางเพศ หรือมี พฤติกรรมทางเพศ การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองเป็นการระบายความรู้สึกทางเพศ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติในวัย นี้ แต่พฤติกรรมบางอย่างอาจเป็นปัญหาตามมา เช่น เบี่ยงเบนทางเพศ กามวิปริต หรือการมีเพศสัมพันธ์ใน วัยรุ่น ดังนั้นจึงควรให้วัยรุ่นได้เรียนรู้การควบคุมการแสดงออกในสังคมให้เหมาะสมด้วย 2.7 จริยธรรม วัยนี้จะมีความคิดเชิงอุดมคติสูง สามารถแยกแยะความผิดชอบชั่วดีได้ มีระบบมโนธรรม ของตนเอง ต้องการให้เกิดความถูกต้องความชอบธรรมในสังคม ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ต้องการเป็นคนดี เป็นที่ชื่น ชอบของคนอื่น แต่เมื่อวัยรุ่นเห็นการกระทาที่ไม่ถูกต้อง หรือมีการเอาเปรียบ เบียดเบียน ความไม่เสมอภาคกัน บางครั้งเขาอาจจะวิพากษ์วิจารณ์พ่อแม่หรือครูอาจารย์ตรงๆอย่างรุนแรง และอาจต่อต้านหรือประท้วงสิ่งที่เขา เห็นว่าไม่ถูกต้อง ต่อเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น เกิดการเรียนรู้เหตุผลมากขึ้น ก็จะทาให้ เขาสามารถควบคุมตัวเองและ มีจริยธรรมดีขึ้นได้เองตามวัย
3.สังคม : Social วัยนี้มักจะห่างจากพ่อแม่พี่น้องมากกว่าเดิม ติดเพื่อน จะเลือกกลุ่มเพื่อนที่ชอบและสนิทสนมด้วย ซึ่งมักจะเป็นคนที่มีส่วนคล้ายคลึงกันหรือเข้ากันได้ มีการเรียนรู้และถ่ายทอดแบบอย่างจากกลุ่มเพื่อนทั้งแนวคิด ค่านิยม ระบบจริยธรรม การแสดงออกและการแก้ปัญหาในชีวิต วัยรุ่นมักจะใช้เวลากับเพื่อนนานๆ มีกิจกรรมนอกบ้านมากกว่าในบ้าน เริ่มมีความสนใจเพศตรงข้าม สนใจสังคมสิ่งแวดล้อม ปรับตัวเองให้เข้ากับกลุ่ม และสังคมได้ดีขึ้น มีความสามารถในทักษะสังคม การสื่อสารเจรจา การแก้ปัญหา การประนีประนอม การยืดหยุ่นโอนอ่อนผ่อนตามกันและการทางานร่วมกับผู้อื่น
4.สมาธิ : Attention. สมาธิมีความสาคัญในชีวิตประจาวันของวัยรุ่นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการเรียน การทางานต่างๆ จะเห็นว่าสมาธิของวัยรุ่นนั้นจะดีขึ้นกว่าในวัยเด็ก เป็นผลจากการที่สมองส่วนหน้า (Prefrontal cortex) มีการเปลี่ยนแปลงมากในวัยรุ่นและมีการวิจัยที่พบว่าสมาธิของมนุษย์นั้นดีขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น(Anderson t.al.2001)
 5. แรงจูงใจ : Motivation แรงจูงใจมีความสาคัญต่อการก้าวไปข้างหน้าในทางที่ถูกต้องของชีวิตวัยรุ่น งานวิจัยชิ้นหนึ่งชี้ให้เห็นถึงเรื่องแรงจูงใจในวัยรุ่นที่แตกต่างจากผู้ใหญ่ โดยสมองของวัยรุ่นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับแรงจูงใจถูกใช้งานได้น้อยกว่าในผู้ใหญ่ (Bjork et.al.2004) การวิจัยนี้ ได้มอบหมายงานให้วัยรุ่นไปทาและได้รางวัลจากงานนั้น ซึ่งพบว่าการที่จะทาให้วัยรุ่นทางานได้สาเร็จหรือทางานได้พอๆกับผู้ใหญ่นั้น ต้องมีแรงจูงใจหรือรางวัลที่มากพอสมควร โดยวัยรุ่นต้องการรางวัลหรือแรงจูงใจที่ได้ทันทีและมากพอที่จะทางานบางอย่างได้สาเร็จ เช่น ประกวดร้องเพลง เต้น วาดภาพ หรือแสดงออกบางอย่างแล้วได้รางวัลทันที และการเปลี่ยนพฤติกรรมวัยรุ่นไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ต้องอาศัยระยะเวลาให้สมองส่วนวงจรแรงจูงใจนั้นได้รับการกระตุ้นหลายๆครั้ง จึงจะเปลี่ยนพฤติกรรมได้ รวมทั้งสิ่งที่จะกระตุ้นสมองของวัยรุ่นนั้นต้องไม่ซ้ำเดิมเพราะวัยรุ่นจะเบื่อง่ายหากได้รับรางวัลซ้ำๆ ดังนั้นการพัฒนาและปรับพฤติกรรมในวัยรุ่น จึงจาเป็นต้องจัดกิจกรรมที่หลากหลายและมีพื้นที่ใหม่ๆ อีกด้วย
6.พฤติกรรมชอบความเสี่ยง : Risk-taking behavior. วัยรุ่นมักจะมีพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆมากมาย ชอบค้นคว้าหาสิ่งใหม่ๆ และมีพฤติกรรมใจกล้าบ้าบิ่น ซึ่งบางครั้งพฤติกรรมเหล่านี้ก็เป็นปกติ แต่หากมากเกินไปก็นาไปสู่ปัญหาต่อตัววัยรุ่นเองและผู้อื่นได้ การเรียนรู้ของวัยรุ่นในด้านพฤติกรรมเสี่ยงนี้มักจะมาจากการค้นหาพฤติกรรมของผู้ใหญ่และสิทธิพิเศษของผู้ใหญ่ แล้วนามาไตร่ตรองว่าตนควรได้หรือเปล่า วัยรุ่นชอบเรียนรู้จากการได้ทดลองด้วยตนเอง เช่น เห็นผู้ใหญ่กินเหล้าสูบบุหรี่ได้ วัยรุ่นจึงอยากลองบ้าง เห็นผู้ใหญ่ในโทรทัศน์ก็อยากออกโทรทัศน์บ้าง เป็นต้น ซึ่งเป็นการเรียนรู้ด้วยการเปรียบเทียบจากมาตรฐานของผู้ใหญ่ทั้งสิ้น ดังนั้นพฤติกรรมของผู้ใหญ่ในสังคมจึงเป็นแบบอย่างต่อวัยรุ่นอย่างมาก
ความเสี่ยงที่พบบ่อย ได้แก่ การขับรถเร็ว ซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้สูงในวัยรุ่น การใช้เทคโนโลยีสื่อสารทาให้เกิดการพนัน การล่อลวง และติดเกมหรืออินเตอร์เน็ตได้เช่นกัน การมีเทคโนโลยีหรือการสื่อสารที่ไว ยิ่งทาให้วัยรุ่นอยากรู้อยากลองมากขึ้น ปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรและปัญหาความรุนแรง รวมถึงก่อคดีความจึงเกิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามการเรียนรู้ที่วัยรุ่นสัมผัสว่าผู้ใหญ่บางรายยังสามารถทาได้ แต่ความแตกต่างระหว่างวัยรุ่นกับผู้ใหญ่ คือวัยรุ่นเรียนรู้พฤติกรรมเหล่านี้อย่างหุนหันพลันแล่น ขาดการควบคุม อันเป็นผลจากการที่สมองส่วนหน้า ซึ่งเป็นส่วนควบคุมพฤติกรรมในวัยรุ่น ยังเจริญเติบโตและถูกกระตุ้นได้ไม่เต็มที่ หากวัยรุ่นได้รับการพัฒนาด้วยการกระตุ้นให้สมองส่วนนี้โตขึ้นเรื่อยๆ เขาก็จะมีการควบคุมตนเองและพฤติกรรมสมเหตุสมผลมากขึ้น
 ความรักที่อาจก่อปัญหาในวัยเรียน (วัยรุ่น)
วัยรุ่นที่อยู่ในวันเรียนตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษา ส่วนมากจะมีคนรักกันแล้ว จะเป็นเพราะทันสมัย ใครที่หาคนรักไม่ได้ก็คงคิดว่าเชยมากๆ การติดต่อกันระหว่างหนุ่มสาวไม่ต้องเสียเวลาเหมือนเมื่อก่อน ปัจจุบันนักเรียนนักศึกษาบางคนมีพร้อมแม้กระทั่งเพจเจอร์และโทรศัพท์มือถือ (ไม่ทราบว่ามีไว้เพื่อกิจการใด) สามารถโทรติดต่อกันโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที ก็สื่อความหมายได้เข้าใจ
            หลายๆ คู่รักจริงหวังแต่ง จึงต้องใช้ความพยายามถนอมน้ำใจ รักเดียวใจเดียว ส่งกำลังใจให้กัน ปรึกษาหารือในด้านการเรียน ช่วยกันทำงาน ช่วยกันทำการบ้าน ส่งอาจารย์ เรียนไปด้วยรักและให้กำลังใจกันไปด้วย มีความสุขสดชื่น
            ความรักมิใช่เป็นสิ่งที่หอมหวานเสมอไป หลายคู่ที่มีปัญหา ขาดความจริงใจต่อกัน มีแต่ความใคร่ ขาดซึ่งความรัก ชิงสุกก่อนห่าม ซึ่งผลที่ติดตามมาคือ แต่ละฝ่ายเริ่มมีปัญหาด้านการเรียน การขาดเรียนจะมีเป็นประจำ เริ่มเบื่อหน่ายต่อการทำหน้าที่การเรียน โกหกพ่อแม่ไปวันๆ เพื่อขอค่าใช้จ่ายตามปกติที่ควรจะได้ แต่งชุดนักเรียนนักศึกษาเดินทางไปและกลับจากโรงเรียนเป็นปกติกับเพื่อนๆ แต่ปรากฏว่าไปไม่ถึงโรงเรียน เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาฝนกิจกรรมต่างๆ นอกเหนือจากการเรียน นัดพบหนุ่มสาวเข้าไปในแหล่งการพนัน สนุ๊กเกอร์ สถานเริงรมย์ต่างๆ เท่าที่จะสามารถไปได้ เริ่มมั่วสุมในอบายมุข บุหรี่ ยาเสพติด สาวค้าประเวณี ผลที่ติดตามมาคือแต่ละฝ่ายต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน คลินิกทั้งที่ถูกต้องตามกฎหมายและคลินิกเถื่อนที่จัดตั้งขึ้นโดยทั่วไป เพื่อแก้ปัญหากับสาวๆ ที่มีความทุกข์ เป็นการแก้ปัญหาทางการเรียนที่ยากลำบากมาก บรรดานักเรียนนักศึกษาสาวที่ต้องดิ้นรนตัวเองไปหาหมอเถื่อน ต้องก้มหน้ารับกรรมที่ตนได้ก่อขึ้นด้วยความทุกข์ระทม เงินที่ได้มาเพื่อนำมาให้หมอ ไม่ต้องสงสัยว่าหามาได้อย่างไร ถ้าไม่ขอยืมหรือลักขโมยก็คงจะใช้วิชามารในการโกหกพ่อแม่หรือญาติพี่น้องหาเงินมาให้หมอเถื่อนทั้งหลาย เงินก็เสีย เจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจกาย อับอายขายหน้า นอกจากนั้นต้องเสี่ยงกับความมีชีวิตรอดหรือไม่รอด ถ้ามีชีวิตรอดจะต้องตกเป็นเป้าสายตาของชุมชนและสังคม ที่คอยดูถูกเหยียดหยาม สายตาของสังคมจะตราหน้าถึงความอัปยศ การเรียนแทบไม่ต้องพูดถึง เพราะขาดการติดต่อเป็นเวลานาน จะเข้าเรียนก็เกรงว่าจะได้รับการดุด่าว่ากล่าวหรือคำตำหนิติเตียนจากครู อาจารย์ ถูกค่อนแคะจากเพื่อนร่วมห้องเรียน
            กิจกรรมนอกเหนือจากการเรียน เป็นสิ่งที่ชดเชยกับผู้ที่หลงผิด ส่วนมากจะปล่อยเนื้อปล่อยตัว เพราะอย่างไรเสียก็สูญเสียร่างกายไปแล้ว กิจกรรมร่วมกับเพื่อนชายกลับกลายเป็นเรื่องปกติ เริ่มรับสิ่งเสพติดทั้งหลายทั้งปวงเข้าในร่างกาย การหาเงินเพื่อซื้อสิ่งเสพติดมีความถี่มากขึ้น
            ฝ่ายชาย หลังจากที่สลัดรักคนเก่าแล้ว ก็มุ่งหารักใหม่และหวังในการทำลายลูกผู้หญิงไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นก็สร้างความแตกร้าวเหมือนกับที่เคยปฏิบัติกับคนก่อนๆ แต่การกระทำดังกล่าวผลกรรมก็ตกอยู่กับตัวเขาเอง โดยเข้าไปพัวพันกับแก๊งค้ายาบ้า ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม นำตนเองเข้าไปอาศัยอยู่ในเรือนจำ
            ความรักของหนุ่มสาวเป็นความรักที่หอมหวาน เป็นวัยแห่งความสดชื่น วัยอยากลองอยากรู้ อยากสัมผัส เป็นวัยที่ต้องพยายามใฝ่หาคนรู้ใจ คนให้กำลังใจและเอาใจซึ่งกันและกัน
            หนุ่มหลายๆ คนมีปัญหาถึงกับต้องมีเรื่องทะเลาะวิวาทชกต่อย ถึงขั้นรวมสมัครพรรคพวกเพื่อไปทำร้ายร่างกายกับคู่อริ เมื่อทราบว่าหนุ่มคนดังกล่าวมีพฤติกรรมมาแย่งคนรักของตนเอง ต้องเดือดร้อนถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ อาจารย์หัวหน้างานปกครองของสถานศึกษา รวมทั้งพ่อแม่พี่น้องโดยทั่วไป เพื่อไกล่เกลี่ยปัญหาที่เกิดขึ้นไปในทางที่ดี
            ข่าวที่เกิดขึ้นจากสื่อแทบทุกชนิด ทั้งหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น หนังสือพิมพ์ระดับชาติ ข่าวที่แพร่ภาพทางโทรทัศน์ เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นของสังคมทุกวันนี้ นอกจากเหตุที่เกิดจากอาชญากรรมกับบุคคลทั่วไป ยังมีข่าวของนักเรียนนักศึกษาที่ก่อปัญหาอาชญากรรม ปัญหาแย่งชิงคนรักจนถึงกับทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต บางคนแก้ปัญหารักของตนเองไม่ได้ถึงกับต้องกินยาฆ่าแมลง กระโดดตึก และวิธีการอย่างอื่นๆ เพื่อหนีปัญหา
            ปัญหาความรักที่เกิดขึ้นระว่างวัยเรียน จะไม่เกิดเฉพาะในหมู่เพื่อนเดียวกันเท่านั้น หลายครั้งที่อ่านข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์ หรือข่าวจากโทรทัศน์ นักเรียนนักศึกษาสาวกับครูอาจารย์นาถานศึกษามีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางชู้สาว ซึ่งเป็นเรื่องที่สร้างความเสื่อมเสียกับอาชีพของคนที่สร้างคนและสอนคน นับว่าเป็นจุดบอดของวงการการศึกษา ที่ถือว่าอาชีพครู เป็นอาชีพที่มีเกียรติสูงมาก เป็นที่นับหน้าถือตามของนักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครอง และบุคคลทั่วไป ปัญหาที่เกิดแต่ละครั้งจะกระทบกระเทือนจิตใจของบรรดาครูอาจารย์อย่างมาก
พฤติกรรมทางเพศในวัยรุ่น

พฤติกรรมทางเพศในวัยรุ่นชาย
- การอ่านการ์ตูนลามกและสื่อลามก เช่น วีซีดี วีดีโอ เป็นต้น เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องเพศซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะสื่อลามกเหล่านี้มักจะ
แสดงพฤติกรรมทางเพศ ที่ผิดไปจากความจริงเพื่อจะดึงดูดความ
สนใจของผู้ดูการดูสื่อลามกอาจ ทำให้ขาดความยับยั้งชั่งใจไปหลอกลวงหรือข่มขื่นผู้อื่นได้
หากดูสื่อเหล่านี้เป็นประจำจะ ทำให้มีพฤติกรรมทางเพศที่ผิดปกติได้
นอกจากนี้ยังเป็นการใช้เวลาว่างไปอย่างเปล่าประโยชน์ เพราะวัยรุ่นเป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโต
จึงควรเอาเวลาไปออกกำลังกายหรือทำสิ่งอื่นที่มีประโยชน์ต่อตนเองและสังคมมากกว่า
- การทดลองมีเพศสัมพันธ์กับเพศตรงข้าม โดยอาจจะเป็นเพื่อนหญิง คู่รัก หรือหญิงขายบริการทางเพศจะทำให้คิดโรคเอดส์
และโรคทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ได้ หากไม่ใช้ถุงยางอนามัยรวมทั้งยังทำให้ฝ่ายหญิงเสียหายและอาจเกิดปัญหาต่าง ๆตามมา
เช่นถูกดำเนินการทางกฎหมาย หากฝ่ายหญิงแจ้งความว่าถูกล่อลวงหรือใช้กำลังบังคับให้มีเพศสัมพันธ์
หรือฝ่ายหญิงอาจตั้งครรภ์ในขณะที่วัยรุ่นชายยังไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบเพราะยังเรียนไม่จบ
ยังไม่สามารถทำงานหาเงินมาส่งเสียเลี้ยงดู และยังไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอที่จะมีครอบครัวหรือเป็นพ่อของลูก
- การสำส่อนทางเพศโดยมีการสัมพันธ์กับผู้หญิงหลาย ๆ คน จะมีความเสี่ยงสูงต่อการติดโรคเอดส์และโรคทางเพศสัมพันธ์
หากไม่ใช้ถุงยางอนามัย โดยเฉพาะหากมีการดื่มสุราจะทำให้มึนเมาและไม่ใช้ถุงยางอนามัยได้
          พฤติกรรมทางเพศในวัยรุ่นหญิง
- การแต่งตัวให้เป็นที่ดึงดูดความสนใจของเพศตรงข้าม โดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสมและ ความปลอดภัย เช่น
ใส่เสื้อสายเดี่ยว เสื้อเกาะอก กางเกงขาสั้น กางเกงเอวต่ำ เป็นต้นจะเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรมทางเพศได้ง่าย
- การยอมมีเพศสัมพันธ์กับคู่รัก เพราะคิดว่าความสัมพันธ์จะยาวนานมั่นคง หรือทำให้คนรักไม่ไปมีคนอื่น จริง ๆ แล้ว
เป็นการแสดงออกที่ผิด เพราะการที่ผู้หญิงยอมมีเพศสัมพันธ์จะทำให้ฝ่ายชายคิดว่าผู้หญิงอาจเคยมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นมาแล้วเช่นกัน
และการทำเช่นนี้ไม่ทำให้ฝ่ายชายมีความรักและความสัมพันธ์ต่อผู้หญิงตลอดไปได้ เพราะความรักจะมีองค์ประกอบด้านอื่น ๆ ได้แก่
ความเข้าใจ ความเห็นใจ ความเอื้ออาทร มีนิสัยใจคอที่เข้ากันได้ เป็นต้น
อีกทั้งวัยรุ่นเป็นวัยที่ต้องเติบโตต่อไปและยังต้องเจอผู้คนอีกมากในวันข้างหน้า
หากวันใดที่ต้องเลิกคบกับฝ่ายชายในฐานะคนรักแล้วจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง
นอกจานี้ยังเป็นการทำให้พ่อแม่และบุคคลที่รักเราต้องเสียใจกับพฤติกรรมของเรา และยังอาจติดโรคเอดส์จากคนรัก
หรือตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจได้
- การมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นได้ง่ายหากเคยมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว พบว่า ผู้หญิงที่เคยมีเพศสัมพันธ์กับคนรักไปแล้ว
มักจะยอมมีเพศสัมพันธ์กับคนรักคนต่อมาหรือเพื่อเหตุผลอื่นเช่นเพื่อแลกกับเงินที่จะมาซื้อสิ่งของราคาแพงตามที่ตนเองต้องการ
เพราะคิดว่าตนเองไม่บริสุทธิ์แล้วไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว ความคิดเช่นนี้ไม่ถูกต้อง
เพราะคนทุกคนมีคุณค่าและศักดิ์ศรีในตัวเองการที่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนในอดีตไม่ได้ทำให้คุณค่าของตัวเราลดลง
หากการกระทำของตัวเราในปัจจุบันและอนาคตต่างหากจะเป็นตัวบ่งบอกถึงคุณค่าและศักดิ์ศรีของตัเรา
นอกจากนี้การมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลหลายคนจะยิ่งเสี่ยงต่อการติดโรค

บทที่1 บทนำ

บทที่ 1
บทนำ
ความเป็นมา และความสำคัญของปัญหา
            ในปัจจุบันสังคมไทยมีการพัฒนาในด้านต่างๆรวมทั้งเทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้วัยรุ่นไทยในสมัยนี้ได้รับเอาค่านิยมจากต่างชาติเข้ามาหลากหลาย รวมทั้งการคบเพศตรงข้าม วัยรุ่นในสมัยนี้ให้ความสนใจเรื่องความรักเป็นอย่างมาก ทั้งด้านการแสดงออกอย่างเปิดเผย การวางตัวต่อเพศตรงข้าม
                ข้าพเจ้าจึงอยากทราบค่านิยมในการเลือกคบเพศตรงข้ามของนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายว่าเป็นอย่างไร โดยเลือกศึกษานักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่4 และนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 ของโรงเรียนอ้อมน้อยโสภณชนูปถัมภ์ เนื่องด้วยข้าพเจ้าอยากทราบอีกว่า นักเรียนชายที่มีช่วงอายุที่แตกต่างกัน จะมีค่านิยมในการเลือกคบเพศตรงข้ามต่างกันหรือไม่     
กลุ่มเป้าหมาย
            นักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่4 จำนวน 50 คน
            นักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 จำนวน 50 คน
จุดมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้า
            เพื่อศึกษา ค่านิยมในการเลือกคบเพศตรงข้ามของนักเรียนชาย ระหว่างนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่4 และ นักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 ของโรงเรียนอ้อมน้อยโสภณชนูปถัมภ์
สมมติฐานของการศึกษาค้นคว้า
            ค่านิยมในการเลือกคบเพศตรงข้ามของนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่4 และ นักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 จะแตกต่างกัน
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า
            แบบสอบถาม
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการศึกษาค้นคว้า
            1.ได้ทราบค่านิยมในการเลือกคบเพศตรงข้ามของนักเรียนชาย ระหว่างนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่4 และ นักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 ของโรงเรียนอ้อมน้อยโสภณชนูปถัมภ์
            2.ข้อมูลที่หามาได้สามารถนำไปปรับใช้เป็นข้อมูลในการสำรวจการเลือกคบเพศตรงข้ามของวัยรุ่นไทยในปัจจุบันได้